การพัฒนาชุมชน ใบงาน A - 1 ถึง A - 7
ใบงาน A-1 จริยธรรมของนักพัฒนา
อ้างอิงบทความของ ดร.สิงห์ทอง บัวชุม
นักพัฒนาการเป็นผู้ที่มีความสำคัญยิ่งในการพัฒนาชุมชน
ต้องเป็นผู้ที่ประสานงานระหว่างราชการกับประชาชนตลอดเวลา เป็นผู้ที่คอยกระตุ้น
ยั่วยุให้ชาวบ้านตื่นตัวเกิดความปรารถนาที่จะอยู่ดีกินดี และร่วมมือร่วมใจกันปรับปรุงตัวเอง
ครอบครัวของตน
นอกจากจะพยายามส่งเสริมให้ชาวบ้านสร้างสรรค์สิ่งต่าง ๆ
ทางด้านวัตถุให้เกิดขึ้นแล้ว จะต้องพยายามเปลี่ยนแปลงทัศนคติและจิตใจ ท่าทีชาวบ้าน
ฉะนั้นผู้ที่จะทำหน้าที่พัฒนาการจึงต้องมีคุณสมบัติพิเศษนอกเหนือไปจากข้าราชการทั่วไปหลายประการเพื่อจะปฏิบัติงานให้ได้ผลและมีประสิทธิภาพ
อุดมการณ์ คุณธรรม
จริยธรรมของการพัฒนาชุมชน
สำหรับนักพัฒนาที่จะมีในตนเองเพื่อเป็นจุดหมายในการพัฒนาชุมชนให้ดี
ให้ไปสู่สภาพที่ดีกว่าเดิม มีดังนี้
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
|
เพื่อมุ่งหวังให้ชุมชนนั้นมีการเปลี่ยนแปลงพัฒนาไปสู่สิ่งที่ดีกว่า
เพื่อมุ่งหวังให้ความเป็นอยู่ในท้องถิ่นในชนบทดีขึ้นกว่าเดิมที่เคยเป็นอยู่
ไม่ลำเอียง ฝักใฝ่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งทำตัวเป็นกลาง
มีความเชื่อถือต่อบทบาทสตรีและเยาวชน
มีการบริหารที่จะรู้ความเป็นระเบียบ ตลอดจนมีการวิจัยและประเมินผลโครงการ
ให้องค์กรอาสาสมัคร เอกชน เข้าร่วมในงานพัฒนาชุมชนด้วย
ยืดถือประชาชนเป็นหลัก
ยึดถือความต้องการและปัญหาที่แท้จริงของประชาชนเป็นหลักใหญ่
ยึดทรัพยากรของชาวบ้านเป็นหลัก
รู้จักรวมกลุ่มให้เป็นประโยชน์
ยึดหลักประชาธิปไตยในการดำเนินงาน
แผนหรือโครงการพัฒนาชุมชน จะต้องมาจากประชาชนในหมู่บ้าน
ทำงานร่วมกับประชาชน
ไม่ทำตัวเป็นนายหรือมีลักษณะเป็นนายร่วมคิดทำกิจกรรม
ไม่มีการบังคับให้กระทำ
ให้ชาวบ้านเข้ามาดำเนินการด้วยความสมัครใจ
ให้มีการปกครองตนเองในชุมชนตามหลักประชาธิปไตย
นักพัฒนาจะเป็นตัวกลไกในการประสานงาน นำบริการต่าง ๆ
ของรัฐสู่ประชาชนในหมู่บ้าน
เป็นที่ปรึกษาของชาวบ้านเมื่อมีปัญหา
รู้ประเพณีวัฒนธรรมของชุมชนในท้องถิ่นนั้น
ปรับให้เข้ากับชุมชนนั้น ๆ
มีหลักการในการพัฒนาชุมชน
› ร่วมคิด › ร่วมตัดสินใจ ›
ร่วมปฏิบัติ › ร่วมกันรับผลประโยชน์ › ริเริ่มเร่งรัดพัฒนาชนบท
สอนให้ประชาชนคิดเป็น ทำเป็น แก้ปัญหาเป็น
ซื่อสัตย์สุจริต มีความรับผิดชอบตรงต่อเวลา
|
ให้ทำ 1.ในชั้นเรียนให้นักศึกษานำเสนอหลักธรรม ดังนี้
การดำเนินงาน
|
หลักธรรม
|
1.
การครองตน
|
|
2.
การครองคน
|
|
3.
การครองงาน – การพัฒนาชุมชน
|
2. ให้นักศึกษาสืบค้นข้อมูลจาก Internet
หาบุคคลต้นแบบนักพัฒนาชุมชนที่มีคุณสมบัติดังกล่าวข้างต้น
ใบงาน A-2 ความเป็นมาของการพัฒนาชุมชนในประเทศไทย
อ้างอิงบทความของ ดร.สิงห์ทอง บัวชุม
ความเป็นมาของการพัฒนาชุมชนในประเทศไทย อาจแบ่งได้ 3 สมัยคือ
1.
สมัยกรุงสุโขทัย (พ.ศ.1780 –
1993)
2.
สมัยกรุงศรีอยุธยา (พ.ศ.1893 –
2310)
3.
สมัยกรุงรัตนโกสินทร์
(พ.ศ.2425 – ปัจจุบัน) สามารถแบ่งออกได้ 2 ระยะ คือ
3.1 สมัยกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้น
(พ.ศ.2425 – 2475)
3.2 สมัยกรุงรัตนดกสินทร์หลักการเปลี่ยนแปลงการปกครอง
(พ.ศ.2475 – ปัจจุบัน)
1.สมัยกรุงสุโขทัย
จากหลักฐานที่ค้นพบแสดงให้เห็นว่า
งานพัฒนาชุมชนได้ดำเนินการมาแล้วอย่างจริงจังโดยเฉพาะอย่างยิ่ง
ในรัชกาลของพ่อขุนรามคำแหงมหาราช (พ.ศ.1820 – 1960)
2.สมัยกรุงศรีอยุธยา
การดำเนินงานพัฒนาชุมชนในสมัยกรุงศรีอยุธยา
นอกเหนือจากการสร้างบ้านแปลงเมืองในรูปของการชี้นำโดยรัฐ
และโดยการเสียสละรวมทั้งการอาสาสมัครทำกันเองในแต่ละชุมชนแล้ว
จุดเด่นสำคัญซึ่งมองเห็นได้อย่างเด่นชัด ในสมัยของสมเด็จพระบรมไตรโลกนารถ
(พ.ศ.1991 – 2031) ก็คือ
พระองค์ได้ทรงแบ่งส่วนราชการบริหารงานแผ่นดินออกเป็นสัดส่วนเรียกว่าจตุสดมภ์
มีกรมเวียง กรมวัง กรมคลัง และกรมนา
โดยเฉพาะกรมเวียงให้มีหน้าที่รับผิดชอบในการปกครองและพัฒนาท้องถิ่น
บำบัดทุกข์บำรุงสุขให้แก่ประชาชนโดยทั่วไปในพระราชอาณาเขต
3.สมัยกรุงรัตนโกสินทร์ (พ.ศ.2425 – ปัจจุบัน)
3.1
สมัยกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้น (พ.ศ.2425 – 2475)
การดำเนินงานพัฒนาในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้น
นับว่าเป็นรากฐานที่สำคัญยิ่งของการดำเนินงานพัฒนาในช่วงต่อ ๆ มา
นอกเหนือจากการสร้างและทำนุบำรุงบ้านเมืองในด้านต่าง ๆ โดยทั่วไปแล้ว
จุดเด่นสำคัญเกี่ยวกับงานพัฒนาชุมชน คือ
ในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชการที่ 5
พระองค์ได้ทรงปฏิรูปการบริหารราชการแผ่นดินใหม่ตามแบบนานาอารยประเทศ (พ.ศ.2435)
โดยจัดแบ่งงานราชการออกเป็น กระทรวง ทบวง กรม ให้รับผิดชอบงานเป็นสัดส่วนไม่ซ้ำซ้อนกัน
กระทรวงมหาดไทยเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรงเกี่ยวกับการปกครองและการพัฒนาท้องถิ่นบำบัดทุกข์บำรุงสุขให้แก่ประชาชนสมัยนั้น
สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพเป็นเสนาบดี
พระองค์มีจุดมุ่งหมายหลักในการดำเนินงานที่เกี่ยวกับประชาชนอยู่ 2 ประการ คือ
1.การปกครองประชาชน
2.การบูรณะบ้านเมือง
หน้าที่ประการแรกเป็นความรับผิดชอบที่ทางฝ่ายราชการจะต้องดำเนินการ
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พนักงานฝ่ายปกครองและได้ออกพระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องที่
พ.ศ.2457 ให้ใช้บังคับ แต่ส่วนใหญ่จะขอความร่วมมือจากประชาชนในท้องถิ่นนั้น ๆ
ให้ช่วยกันเสียสละแรงงาน เงิน
และวัสดุอุปกรณ์ตลอดจนการดูแลเอาใจใส่ต่อกิจกรรมอันเป็นสาธารณประโยชน์
ซึ่งได้ร่วมกันจัดสร้างขึ้นในชุมชนของตน
อันเป็นการปลุกความคิดให้มีจิตสำนึกว่าท้องถิ่นนั้น ๆ เป็นของประชาชนเอง
การดำเนินงานในระยะแรก ๆ ยังไม่ได้กำหนดออกเป็นรูปแบบแผนงานหรือโครงการของรัฐ
จนกระทั่งเปลี่ยนแปลงการปกครองในปี พ.ศ. 2475
3.2สมัยกรุงรัตนโกสินทร์หลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง
(พ.ศ.2475 – ปัจจุบัน)
การดำเนินงานพัฒนาชุมชนเริ่มมีความสำคัญขึ้น
รัฐบาลได้มองเห็นความจำเป็นและความสำคัญของการบูรณบ้านเมืองให้เจริญรุดหน้าอย่างมีแบบแผนและมีขั้นตอนการดำเนินงาน
จึงได้กำหนดแผนการบูรณะชนบทขึ้นในปี พ.ศ.2485 และในปี พ.ศ.2494
ซึ่งพัฒนารูปแบบและวิธีการก้าวหน้าเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน
ซึ่งจะได้กล่าวโดยละเอียดตามลำดับ ดังนี้
แผนการบูรณะชนบท (พ.ศ.2485 และ
2494)
นับตั้งแต่ประเทศไทยได้เปลี่ยนรูปการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์มาเป็นประชาธิปไตยใน
พ.ศ.2485 โดยกระทรวงมหาดไทยเป็นผู้กำหนดแผนการบูรณะชนบทขึ้น แผนบูรณะชนบท 2485
มีวัตถุประสงค์ 2 ประการคือ
-สร้างสรรค์ชีวิตจิตใจของประชาชนในชนบทให้เหมาะสมที่จะเป็นพลเมืองดี
อันเป็นวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาทางด้านจิตใจ
ดังจะเห็นได้จากมีการกำหนดเรื่องการปกครองหมู่บ้าน ตาม พรบ.ลักษณะปกครองท้องที่
พ.ศ.2457 แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ.2486
คือนอกจากตำแหน่งที่มาจากการแต่งตั้งแล้ว ยังมีการเลือกตั้งผู้ช่วยผู่ใหญ่บ้าน
เรียกว่า ผู้ช่วยฝ่ายการทำงาน เป็นชาย 1 หญิง 1 ทั้งผู้ใหญ่บ้านและผู้ช่วยนี้
รวมเรียกว่ากรรมการหมู่บ้าน แผนการบูรณะชนบท 2485 นี้ต้องการฝึกฝนประชาชนให้รู้จักสิทธิและหน้าที่ของพลเมืองดี
โดยเรียนรู้ถึงสิทธิการเลือกตั้ง มีการตรวจตราตักเตือน และอบรมประชาชน
มีการประชุมเป็นครั้งคราว ซึ่งก็เป็นการสอนให้ประชาชนรู้จักปรึกษาหารือกันแบบประชาธิปไตย
เป็นการยั่วยุให้ประชาชนมีความสนใจและกระตือรือร้นในกิจกรรมของท้องถิ่นและชุมชนของตน
-ส่งเสริมให้ประชาชนมีการครองชีพดีขึ้น อันเป็นวัตถุประสงค์เพื่อการพัฒนาทางด้านวัตถุ
โดยกรรมการหมู่บ้าน นอกจากจะมีหน้าที่ตามที่คณะกรรมการอำเภอกำหนดมอบหมายแล้ว
ยังมีหน้าที่จะช่วยเป็นหน่วยส่งเสริมเกี่ยวกับอาชีพ รวมทั้งการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ
ด้วยการดำเนินงานตามโครงการนี้ นอกจากจะมีคณะกรรมการดังกล่าวแล้ว ยังได้คัดเลือกบุคคลภายนอกเข้ามาร่วมงานด้วย
เรียกว่า ปลัดอำเภอประจำตำบลหรือปลัดตำบล
ปลัดตำบลต้องมีคุณสมบัติเช่นเดียวกับข้าราชการพลเรือนจัตวา
และมีคุณสมบัติพิเศษที่กำหนดไว้อีก
คือต้องเป็นผู้ที่รักที่จะทำงานให้หมู่บ้านและเป็นผู้ที่เข้ากับประชาชนได้ดี
แผนการบูรณะชนบท 2485 นี้ดำเนินไปได้เพียง 2 ปี ก็ต้องยุบเลิกด้วยเหตุผลบางประการ
ดังต่อไปนี้
1.มีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลใหม่
รัฐบาลใหม่ไม่ส่งเสริมแผนบูรณะชนบท เพราะขณะนั้นกำลังเกิดสงคราม
2.คณะกรรมการและเจ้าหน้าที่ผู้ดำเนินงานไม่เข้าใจถึงวัตถุประสงค์ของหลักการและวิธีปฏิบัติงานอย่างดีพอ
3.การเร่งรัดในโครงการ
ทำให้ประชาชนเดือนร้อน
4.รัฐบาลไม่ให้เงินอุดหนุนในการทำงาน
ประชาชนต้องออกเงินเอง
5.มีลักษณะเป็นการบังคับต่อประชาชน
นับตั้งแต่ปี พ.ศ.2499 – 2501
กรมประชาสงเคราะห์และกรมมหาดไทย
ต่างก็มีการเคลื่อนไหวในการดำเนินงานพัฒนาการท้องถิ่น ในปี พ.ศ.2501
กรมมหาดไทยได้ทำโครงการพัฒนาการท้องถิ่นทดลองขึ้น โดยได้คัดเลือกปลัดอำเภอเข้ามารับการอบรมเพื่อเป็นปลัดอำเภอพัฒนากร
ได้ส่งปลัดอำเภอพัฒนากรอีก 47 คนไปดำเนินงานพัฒนาอีก 29 จังหวัด
ในระหว่างที่กรมมหาดไทยกับกรมประชาสงเคราะห์กำลังดำเนินงานพัฒนาท้องถิ่นโดยส่งปลัดอำเภอพัฒนากรออกไปปฏิบัติงานในเขตพัฒนานั้น
ทางกระทรวงศึกษาธิการก็ได้วางโครงการมูลสารศึกษา (Fundamental
Education) เพื่อใช้ในการฝึกอบรมนักศึกษาผู้ใหญ่จังหวัดอุบลราชธานี
ณ ศูนย์ฝึกอบรมการศึกษาผู้ใหญ่ จังหวัดอุบลราชธานี เรียกโดยย่อว่า ศ.อ.ศ.อ.
ทำการผลิตนักศึกษา เรียกว่า สารนิเทศ ใช้หลักสูตรฝึกอบรม 2 ปี ดังนั้น ระยะปี
พ.ศ.2499 – 2502
ก็เริ่มมีเจ้าหน้าที่ของกระทรวงศึกษาธิการและของกระทรวงมหาดไทยดำเนินงานพัฒนาการท้องถิ่น
ต่างคนต่างทำไปพร้อม ๆ กัน มีจุดหมายปลายทางอย่างเดียวกัน
แต่มีเขตดำเนินงานพัฒนาการท้องถิ่น
ต่างคนมีเจ้าหน้าที่ของกระทรวงศึกษาธิการและของกระทรวงมหาดไทยดำเนินงานแตกต่างกัน
เพราะการนิเทศทำงานเป็นทีม ทีมละ 6
คน ส่วนปลัดอำเภอพัฒนากรทำงานคนเดียว
ใน พ.ศ.2502
ประเทศไทยได้เป็นเจ้าภาพจัดการสัมมนาระหว่างประเทศ
ว่าด้วยการวางแผนและบริหารงานพัฒนาการท้องถิ่นด้วยความอนุเคราะห์จากองค์การสหประชาชาติ
ผลของการสัมมนาได้เสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี 4 ประการ ดังนี้
1.ให้กรมมหาดไทยรับนโยบายไปปฏิบัติ
2.เห็นควรโอนสำนักงานคณะกรรมการกลางพัฒนาการท้องถิ่นจากระทรวงมหาดไทยไปขึ้นตรงต่อสำนักนายกรัฐมนตรีเพื่อทำหน้าที่วางนโยบาย
3.กระทรวงศึกษาธิการดำเนินการฝึกอบรมให้แก่เจ้าหน้าที่
4.ให้องค์การอิสระเป็นผู้วิจัยและประเมินผล
จากข้อเสนอดังกล่าวนี้
คณะรัฐมนตรีได้มีมติให้กรมมหาดไทยรับโอนสารนิเทศและงานจากระทรวงศึกษาธิการ
ตลอดทั้งเป็นเจ้าของเรื่องการดำเนินงานไม่เพียงพอ สำหรับการผลิตสารนิเทศ
ดังนั้นจึงให้กระทรวงมหาดไทยเป็นเจ้าของเรื่องดำเนินงานพัฒนาการท้องถิ่น
เมื่อกระทรวงมหาดไทยรับหน้าที่ดำเนินงานพัฒนาการท้องถิ่น
ก็ได้ปรับปรุงโครงการพัฒนาการท้องถิ่นแห่งใหม่ แล้วเสนอต่อคณะรัฐมนตรี
คณะรัฐมนตรีก็ได้รับเอาโครงการพัฒนาการท้องถิ่นแห่งชาติเข้าบรรจุไว้ในแผนพัฒนาเศรษฐกิจแห่งชาติ
ฉบับที่ 1 โดยระบุวิธีดำเนินงานที่สำคัญไว้ 4 ประการ คือ
1.ให้ประชาชนรู้จักช่วยตนเอง
โดยจะใช้วิธีแนะนำกระตุ้นเตือนให้ประชาชนเป็นฝ่ายริเริ่มก่อนเพื่อช่วยให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการดำเนินงาน
2.อบรมผู้นำท้องถิ่นให้ถูกทางเพื่อให้เป็นกำลังสำคัญในการปรับปรุงท้องที่
และนำประชาชนให้ทำงานร่วมกันกับพัฒนากรและเจ้าหน้าที่วิชาการ
3.รัฐจะให้ความช่วยเหลือโดยการสนับสนุนทางวิชาการ
จัดหาวัสดุอุปกรณ์ หรือเงินเท่าที่จำเป็นมาสมทบกับแรงงานที่ประชาชนอุทิศให้
4.ใช้หลักการประสานงานในการดำเนินงานโดยการดำเนินงานตามโครงการต้องอาศัยความร่วมมือและประสานงานระหว่างเจ้าหน้าที่วิชาการต่างๆ
ในส่วนภูมิภาคกับพัฒนาการซึ่งเป็นผู้อำเนินงานและเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงสำคัญในการร่วมงานกับผู้นำท้องถิ่น
จัดตั้งส่วนพัฒนาการท้องถิ่น
พ.ศ.2503
ในปี พ.ศ.2503
สำนักงานพัฒนาการท้องถิ่น
ได้รับการยกฐานะเป็นส่วนพัฒนาการท้องถิ่นซึ่งขึ้นกับกรมมหาดไทย ในขณะเดียวกัน กระทรวงมหาดไทยโดยกรมมหาดไทยได้ฝึกอบรมปลัดอำเภอพัฒนากรเพิ่มเติมร่วมกับ
ศ.อ.ศ.อ.
ซึ่งผลิตสารนิเทศก์ให้ทำหน้าที่พัฒนาการเพื่อจะให้เพียงพอในการเข้าปฏิบัติงานตามเขตพัฒนาที่เปิดดำเนินการในเวลาเดียวกันสำนักงาน
ก.พ. ได้มีกฎ ก.พ. ออกมาตามความในพระราชบัญญัติระเบียบข้อราชการพลเรือน พ.ศ. 2497
เทียบตำแหน่งเรียกชื่ออย่างอื่นในกรมมหาดไทย
รวมเรียกว่าปลัดอำเภอพัฒนาการและสารนิเทศก์ว่า “พัฒนากร” (C.D.
Worker หรือเรียก C.D. Organizer) ดำเนินงานใน
11 จังหวัดทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และ 4 จังหวัดภาคใต้ รวมเป็น 15 จังหวัด
ในปี พ.ศ.2505
ได้มีพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวงทบวงกรมฉบับที่ 10 พ.ศ. 2505 แยกงานพัฒนาชุมชนออกจากกรมมหาดไทย
โดยตั้งขึ้นเป็นกรมใหม่จากส่วนพัฒนาการท้องถิ่น เรียกว่า กรมการพัฒนาชุมชน
สังกัดกระทรวงมหาดไทย ซึ่งก็ได้ดำเนินงานพัฒนาชุมชนมาจนถึงปัจจุบันนี้
และได้มีการเปลี่ยนชื่อกรมมหาดไทย เป็นกรมการปกครอง
ให้มีหน้าที่รับผิดชอบงานด้านการปกครอง
ให้ทำ
1. จงอธิบายวิวัฒนาการของการบริหารท้องถิ่นไทยสมัยสมบูรณาญาสิทธิราชย์
2. แบ่งกลุ่มเป็น 4 กลุ่ม
ศึกษาประวัติการพัฒนาของจังหวัดต่อไปนี้ตั้งแต่ปี 2499 – ปัจจุบัน และนำเสนอกลุ่มละ
20 นาที โดยให้ส่ง Power point
ก่อนวันนำเสนอ 2 วัน
ภาค
|
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
|
ภาคเหนือ
|
ภาคตะวันออก
|
ภาคใต้
|
จังหวัด
|
ศรีสะเกษ
|
เชียงราย
|
ระยอง
|
ภูเก็ต
|
ชนพื้นเมือง
|
เขมร, กุย (ส่วย),
ลาว, เยอ
|
|||
ภาพชุมชนในอดีต
|
||||
ภาพชุมชนในปัจจุบัน
|
||||
คำขวัญจังหวัด
|
||||
วิถีชีวิตในอดีต
|
||||
ยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัดในปัจจุบัน
|
||||
อาชีพหลักประชาชน
|
||||
จำนวนประชากร
|
||||
จำนวนอำเภอ
|
||||
ทรัพยากรธรรมชาติที่สำคัญ
|
||||
สินค้า/พืชเศรษฐกิจ
|
||||
อื่น ๆ..
|
ใบงาน A-3 ความรู้เกี่ยวกับการแบ่งส่วนบริหารราชการแผ่นดิน
1. การบริหารราชการแผ่นดินตาม
พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ.2534
แก้ไขเพิ่มเติม ฉบับที่ 5 พ.ศ.2545 และ พ.ร.บ.ปรับปรุงกระทรวง ทบวง และกรม
ปี พ.ศ.2545 ให้นักศึกษาจำแนกหน่วยงานให้ถูกต้อง
ข้อ
|
ส่วนราชการ
|
ส่วนกลาง
|
ส่วนภูมิภาค
|
ส่วนท้องถิ่น
|
นายกรัฐมนตรี
|
1
|
กรุงเทพมหานคร
|
||||
2
|
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
|
||||
3
|
ทบวงมหาวิทยาลัย
|
||||
4
|
อำเภอตระการพืชผล
|
||||
5
|
องค์การบริหารส่วนจังหวัด
|
||||
6
|
กรมพลศึกษา
|
||||
7
|
สำนักพระราชวัง
|
||||
8
|
เมืองพัทยา
|
||||
9
|
สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ
|
||||
10
|
สำนักงานพัฒนาชุมชนอำเภอวังหิน
จังหวัดศรีสะเกษ
|
2.จงวิเคราะห์ความแตกต่างระหว่างการรวมอำนาจกับการกระจายอำนาจบริหาร
3. นาย
ก. มีภูมิลำเนาอยู่อำเภอไพรบึง จังหวัดศรีสะเกษ
ต้องการขออนุญาตจดทะเบียนพาณิชย์เพื่อเปิดร้านค้าขายถังขยะที่ทำจากยางรถยนต์เก่า ขายส่งให้ อบต.ในเขตจังหวัดศรีสะเกษ โดยมีนาย
ก. เป็นเจ้าของคนเดียว จะต้องไปติดต่อจดทะเบียนพาณิชย์ที่หน่วยงานใด
4. นาย ข. มีอาชีพรับเหมาก่อสร้าง
มีภูมิลำเนาอยู่อำเภอขุขันธ์ จังหวัดศรีสะเกษ
ต้องการไปเข้าร่วมประมูลการสร้างตลาดของเทศบาลตำบลบุสูง อำเภอวังหิน มูลค่า
7,000,000 บาท
ควรจดทะเบียนเป็นผู้ประกอบการเจ้าของคนเดียว
ห้างหุ้นส่วนจำกัด หรือบริษัทจำกัด
และไปดำเนินการจดทะเบียนพาณิชย์ที่หน่วยงานใด
5. นางแขไขรวมกลุ่มกับเพื่อนบ้านผลิตสินค้า OTOP ของรัฐบาล เป็นสุรา ตามภูมิปัญญาท้องถิ่น
แต่ไปจดทะเบียนเป็นผู้ประกอบการห้างหุ้นส่วนจำกัด ที่สำนักงานพาณิชย์จังหวัด
แต่ด้วยความไม่ชำนาญในเรื่องภาษี ทำให้มีการเรียกเก็บภาษีย้อนหลัง เบี้ยปรับ
เงินเพิ่ม จำนวนมาก
ถ้านางแขไขเปลี่ยนเป็นการประกอบการแบบวิสาหกิจชุมชนตามนโยบายรัฐบาลจะทำได้หรือไม่
ต้องไปติดต่อหน่วยงานใด
6. นายจีโน่ เป็นเยาวชนหมู่บ้านน้ำคำ ตำบลนาสะไม
อำเภอตระการพืชผล
จังหวัดอุบลราชธานี
มีความประสงค์จะเข้าร่วมแข่งขันฟุตบอลต่อต้านยาเสพติดของจังหวัดอุบลราชธานี
ในนามน้ำคำ FC จะต้องไปติดต่อหน่วยงานใดบ้าง
7.เจ้าพนักงานทำหน้าที่ส่งเสริมการพัฒนากีฬา
อำเภอละ 1 คน ชื่อตำแหน่งอะไร สังกัดกระทรวงใด
8.เจ้าพนักงานทำหน้าที่ส่งเสริมการพัฒนากีฬา
อบต. ชื่อตำแหน่งอะไร สังกัดกระทรวงใด
9.คุณป้าเยาวภา
เป็นสตรีบ้านภูเงิน อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ ได้รับการสนับสนุนความรู้และทุนในการทำน้ำฝรั่ง
ซึ่งเป็นการแปรรูปสินค้าทางการเกษตร
ในช่วงปีใหม่รัฐบาลจัดงานแสดงสินค้า OTOP ที่เมืองทองธานี
ผู้จำหน่ายไม่ต้องเสียค่าเช่าที่
คุณป้ามีความประสงค์จะนำสินค้าเกษตรของจังหวัดศรีสะเกษไปจำหน่ายในงานดังกล่าวต้องประสานหน่วยงานใด
10. ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2557 ประเทศไทยมีกี่จังหวัด ในระหว่างปีจังหวัดนครราชสีมา
โดยอำเภอบัวใหญ่ต้องการแยกตัวเป็นจังหวัด ด้วยเหตุผลใด กระบวนการก่อตั้งจังหวัดใหม่ทำได้อย่างไร
การประกาศโดยใช้กฎหมายระดับชั้นใด
11.
อธิบายเรื่องการบริหารราชการแบบท้องถิ่นในแบบ สุขาภิบาล
12.พระราชบัญญัติกำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีผลใช้บังคับเมื่อใด
13.การจัดทำงบประมาณแผ่นดินของไทย
เริ่มต้นและสิ้นสุดเมื่อใด การจัดตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปี
ในส่วนที่เกี่ยวกับการบริหารสาธารณะในเขตปกครองส่วนท้องถิ่น
เงินที่รัฐจัดสรรให้เรียกว่าเงินอะไร
14.ระบบไฟฟ้าแสงสว่างที่ถนนในชุมชนต่าง ๆ เขตเมืองศรีสะเกษ
และระบบไฟฟ้าตำบลโพนข่า สังกัด อบต.โพนข่า อำเภอเมืองจังหวัดศรีสะเกษ หน่วยงานใดจ่ายค่าไฟฟ้า
ใบงาน A-4 ความหมายของการพัฒนา
อ้างอิงบทความของ ผู้ช่วยศาสตราจารย์สนธยา พลศรี
คำว่า “การพัฒนา”
ถูกนำมาใช้เป็นครั้งแรกในคริสต์ศตวรรษที่ 19
โดยนักเศรษฐศาสตร์ได้นำมาใช้เรียกการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นจากการปฏิวัติอุตสาหกรรมในทวีปยุโรป อันเป็นการเปลี่ยนแปลงการใช้แรงงานจากคนและสัตว์เป็นพลังงานจากเทคโนโลยี
เช่น เครื่องจักร เครื่องยนต์ต่าง ๆ
ทำให้วิถีการดำเนินชีวิตเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมหลายประการ เช่น
อาชีพเปลี่ยนจากเกษตรกรรมเป็นอุตสาหกรรม
สถานที่ประกอบอาชีพเปลี่ยนจากเรือกสวนไร่นาเป็นโรงงานอุตสาหกรรม
ระบบการผลิตแบบเพื่อการยังชีพเป็นเพื่อการค้า ที่อยู่อาศัยเปลี่ยนจากชนบทเป็นเมือง
สิ่งแวดล้อมเปลี่ยนจากสิ่งแวดล้อมธรรมชาติเป็นสิ่งแวดล้อมที่มนุษย์สร้างขึ้น
เป็นต้น
ชีวิตในโรงงานอุตสาหกรรมยังไม่ได้มาตรฐานหลายประการ
เช่น ขาดสวัสดิภาพและความปลอดภัย โรรงานคับแคบแสงสว่างไม่เพียงพอ
มีการใช้แรงงานเด็กและผู้หญิง ค่าจ้างต่ำ เป็นต้น นักเศรษฐศาสตร์จึงนำคำว่า
“การพัฒนา”
มาใช้เพื่อเรียกวิธีการยกระดับมาตรฐานความเป็นอยู่ของชาวยุโรปขณะนั้นให้สูงขึ้น
(ประสิทธิ์ สวาสดิ์ญาติ. 2518 : 26-27) และเป็นที่ยอมรับของนักสังคมศาสตร์โดยทั่วไป
โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นต้นมา ประเทศต่าง ๆ
ต้องทำการปรับปรุงแก้ไขสภาพทางสังคม เศรษฐกิจ และการเมือง ให้คืนสู่สภาพเดิม
บางประเทศได้รับเอกราชให้ปกครองตนเอง จึงต้องหาแนวทางในการพัฒนาประเทศของตน
ทำให้คำว่า “การพัฒนา” แพร่หลายมากยิ่งขึ้น ในปี ค.ศ.1960 จอห์น เอฟ เคเนดี (John
F. Kenedy) ประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกาในสมัยนั้น
ได้เสนอให้องค์การสหประชาชาติ (The United Nations) ถือว่าปี
ค.ศ.1960 – 1969
เป็นทศวรรษแห่งการพัฒนาของโลกซึ่งเป็นที่ยอมรับองค์การสหประชาชาติยังประกาศให้ปี ค.ศ.1970
– 1979 เป็นทศวรรษที่ 2 ของการพัฒนาโลกต่อไปอีกด้วย (สมยศ ทุ่งหว้า. 2534 :
178 – 179) นับว่าเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ประเทศต่าง ๆ นำคำว่า
“การพัฒนา” ไปใช้และเป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไปในปัจจุบัน
ให้จับคู่แนวคิดเกี่ยวกับการพัฒนาที่สัมพันธ์กัน
แนวคิด
|
||
........
|
1.แบบวิวัฒนาการ
|
ก.แนวคิดระบอบสังคมนิยม
ใช้เป็นแนวทางเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางสังคม
|
........
|
2.แบบการเปลี่ยนแปลงทางสังคม
|
ข.มีชีวิตที่อุดมสมบูรณ์ ร่ำรวยมากขึ้น
มีความแตกต่างกันมากขึ้น
|
........
|
3.แบบเศรษฐศาสตร์
|
ค.การให้คนและกลุ่มคนในชุมชนเป็นศูนย์กลางของการพัฒนา
|
........
|
4.แบบปฏิบัติการทางสังคม
|
ง.จำแนกเกณฑ์รายได้ประชาชาติ การมีงานทำ ประเทศด้อยพัฒนา
ประเทศกำลังพัฒนา ประเทศพัฒนาแล้ว
|
.......
|
5.แบบความขัดแย้งทางสังคม
|
จ.รัฐบาลพยายามปรับปรุงแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจและสังคม
ในรูปของการวางแผนปฏิบัติการ
|
.......
|
6.แบบการพัฒนาชุมชน
|
ช.สนใจศึกษาการเปลี่ยนแปลงของปรากฎการณ์ทางสังคม
เช่นการปฏิรูป
|
ใบงาน A-5 ความหมายและลักษณะของชุมชน
อ้างอิงบทความของ ผู้ช่วยศาสตราจารย์สนธยา พลศรี
ความหมายทางวิชาการชุมชน
หมายถึง
1.กลุ่มทางสังคม
ที่มีความสัมพันธ์กันตามบรรทัดฐานทางสังคม
มีความผูกพันกันและมีความเป็นปึกแผ่นมั่นคง
ซึ่งมีความหมายเช่นเดียวกับความหมายโดยรูปศัพท์และอาจหมายถึงกลุ่มบุคคลที่มีสายสัมพันธ์เดียวกัน
เช่น ครอบครัว เผ่าชน
2.พื้นที่หรือบริเวณทางภูมิศาสตร์
เป็นอยู่อาศัยของกลุ่ม เช่น ละแวกบ้าน หมู่บ้าน ตำบล อำเภอ จังหวัดเป็นต้น
3.องค์การทางสังคม ที่มีวัตถุประสงค์แน่ชัด
และรวมกันในระยะที่นานพอสมควร จนเกิดระบบความสัมพันธ์และความผูกพันกันขึ้น เช่น
องค์การบริหารส่วนตำบล พรรคการเมือง กลุ่มอาชีพต่าง ๆ
ผศ.สนธยา พลศรี
ได้ให้ความหมายของชุมชน หมายถึง
กลุ่มทางสังคมที่อยู่อาศัยร่วมกันในอาณาบริเวณเดียวกัน เช่นครอบครัว ละแวกบ้าน
หมู่บ้าน ตำบล หรือเรียกเป็นอย่างที่มีความเกี่ยวข้องสัมพันธ์กัน
มีการติดต่อสื่อสารและเรียนรู้ร่วมกัน
มีความผูกพันเอื้ออาทรกันภายใต้บรรทัดฐานและวัฒนธรรมเดียวกัน
ร่วมมือและพึ่งพาอาศัยกัน เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์และเป้าหมายร่วมกัน
ให้ทำ
1.เขียนภาพแสดงโครงสร้างทางสังคมของชุมชน
2.ประเภทของชุมชนแบ่งได้เป็นกี่ประเภท
ยกตัวอย่างชุมชนที่นักศึกษาอาศัยอยู่ จัดเป็นประเภทใด
3.ให้นักศึกษาแบ่งกลุ่ม 4 กลุ่มค้นคว้าประวัติชุมชนที่มีความเก่าแก่โบราณ เช่นตลาดร้อยปี จังหวัดสุพรรณบุรี และนำเสนอใช้เวลากลุ่มละ
10 นาที
ใบงาน A-6 ปรัชญาและแนวคิดของการพัฒนาชุมชน
ให้นักศึกษาแบ่งกลุ่มเป็น 3 กลุ่ม คะแนนเก็บ
15 คะแนน
1.
ค้นคว้าและนำเสนองานกลุ่มละ 30
นาที
2.
หลังจากการนำเสนอเปิดโอกาสให้กลุ่มอื่นซักถามประเด็นข้อสงสัย
10 นาที
3.
พัก 10 นาที และ
4.
กำหนดคำถามให้ทุกคนมีส่วนร่วมตอบคำถามกลุ่มละ
5 คำถาม 10 นาที
ยกตัวอย่างเกณฑ์การให้คะแนน
เกณฑ์การให้คะแนน
|
คะแนนตามเกณฑ์
|
คะแนนที่ได้
กลุ่มที่ 1
|
คะแนนที่ได้
กลุ่มที่ 2
|
คะแนนที่ได้
กลุ่มที่ 3
|
1.สื่อที่นำเสนอ
Power
point ส่งก่อนวันนำเสนอรายงาน 2 วัน
|
1
|
1
|
0
|
1
|
2.เนื้อหาครบตามที่กำหนด
|
1
|
1
|
1
|
1
|
3.บุคลิกภาพของผู้นำเสนอ
|
1
|
0
|
1
|
1
|
4.การตอบปัญหาข้อสงสัยของกลุ่มอื่น
|
1
|
0
|
1
|
1
|
5.การตั้งคำถาม
|
1
|
1
|
1
|
1
|
รวมคะแนนการค้นคว้าและนำเสนอ
|
5 คะแนน
|
3
|
4
|
5
|
การมีส่วนร่วมในการตอบปัญหา
|
คะแนน
|
กลุ่มที่ 1
|
กลุ่มที่ 2
|
กลุ่มที่ 3
|
ปรัชญาและแนวคิดของการพัฒนาชุมชน
|
5
|
0
|
5
|
0
|
หลักและวิธีการพัฒนาชุมชน
|
5
|
5
|
0
|
0
|
กระบวนการพัฒนาชุมชน
|
5
|
5
|
0
|
0
|
รวมคะแนนการตอบคำถาม
|
10 คะแนน
|
10
|
0
|
0
|
รวม 15 คะแนน
|
?
|
?
|
?
|
ใบงาน A-7 ทฤษฎีเพื่อการพัฒนาชุมชน
ให้นักศึกษาแบ่งกลุ่มเป็น 3 กลุ่ม คะแนนเก็บ
15 คะแนน
1.
ค้นคว้าและนำเสนองานกลุ่มละ
30 นาที
2.
หลังจากการนำเสนอเปิดโอกาสให้กลุ่มอื่นซักถามประเด็นข้อสงสัย
10 นาที
3.
พัก 10 นาที และ
4.
กำหนดคำถามให้ทุกคนมีส่วนร่วมตอบคำถามกลุ่มละ
5 คำถาม 10 นาที
เกณฑ์การให้คะแนน
|
คะแนนตามเกณฑ์
|
คะแนนที่ได้
กลุ่มที่ 1
|
คะแนนที่ได้
กลุ่มที่ 2
|
คะแนนที่ได้
กลุ่มที่ 3
|
1.สื่อที่นำเสนอ
Power
point ส่งก่อนวันนำเสนอรายงาน 2 วัน
|
1
|
|||
2.เนื้อหาครบตามที่กำหนด
|
1
|
|||
3.บุคลิกภาพของผู้นำเสนอ
|
1
|
|||
4.การตอบปัญหาข้อสงสัยของกลุ่มอื่น
|
1
|
|||
5.การตั้งคำถาม
|
1
|
|||
รวมคะแนนการค้นคว้าและนำเสนอ
|
5 คะแนน
|
การมีส่วนร่วมในการตอบปัญหา
|
คะแนน
|
กลุ่มที่ 1
|
กลุ่มที่ 2
|
กลุ่มที่ 3
|
ทฤษฎีสังคมศาสตร์เพื่อการพัฒนาชุมชน
ทฤษฎีการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและวัฒนธรรม
|
5
|
|||
ทฤษฎีการจัดระเบียบทางสังคม
ทฤษฎีการพัฒนาแบบผสมผสาน
|
5
|
|||
ทฤษฎีใหม่ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และโครงการในพระราชดำริ
|
5
|
|||
รวมคะแนนการตอบคำถาม
|
10 คะแนน
|
|||
รวม 15 คะแนน
|
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น